5 วิธีง่าย ๆ เช็คสภาพยางก่อนเข้าหน้าฝน
1. ตรวจเช็คอายุการใช้งานของยางรถยนต์
โดยปกติแล้วยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสภาพถนนที่ใช้ประจำ หากคุณเป็นคนที่ขับรถเป็นประจำในเมืองที่มีสภาพถนนดี ยางอาจอยู่ได้นานขึ้นเล็กน้อย แต่หากต้องขับรถในเส้นทางที่ขรุขระ หรือมีการเบรกกระทันหันบ่อย ๆ ยางอาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ดังนั้น ควรหมั่นเช็ควันผลิตที่ระบุไว้บนแก้มยาง และสังเกตสภาพยางโดยรวม หากมีสัญญาณของความเสื่อมสภาพ ไม่ควรรอให้ยางเสื่อมจนถึงขั้นอันตราย ควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้ร่วมทาง
2. ตรวจเช็คดอกยาง
ดอกยางเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการยึดเกาะถนน โดยเฉพาะในขณะขับขี่บนถนนเปียก หากความสูงของดอกยางต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร นั่นหมายความว่าดอกยางของคุณเริ่มสึกหรอจนไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป วิธีเช็คที่ง่ายที่สุดคือใช้เหรียญบาทเสียบลงไปในร่องดอกยาง หากเห็นขอบสัญลักษณ์พระเกศาหรือมากกว่านั้น แสดงว่าดอกยางตื้นเกินไปและควรเปลี่ยนโดยเร็ว นอกจากนี้ หากสังเกตเห็นการสึกหรอไม่เท่ากัน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาระบบช่วงล่างหรือแรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งก็ควรนำรถไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบเพิ่มเติม

3. มีรอยแตกลายงาหรือเปล่า?
รอยแตกลายงาบนยางอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แต่จริง ๆ แล้วเป็นสัญญาณของการเสื่อมสภาพของเนื้อยางที่ควรใส่ใจ รอยแตกเหล่านี้อาจเกิดจากการใช้งานเป็นเวลานาน การตากแดดบ่อย หรือการจอดรถในที่ร้อนจัดเป็นประจำ เมื่อเนื้อยางเริ่มแข็งตัวและแตกลายงา ความยืดหยุ่นของยางจะลดลง ส่งผลให้ยางเสี่ยงต่อการระเบิดหรือฉีกขาดขณะขับขี่ได้ง่าย ดังนั้น หากตรวจพบรอยแตกเล็ก ๆ บนหน้ายางหรือแก้มยาง ควรรีบพิจารณาเปลี่ยนยางใหม่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดบนท้องถนน
4. มีรอยบวมหรือฉีกขาดไหม?
ยางที่มีรอยบวมหรือฉีกขาดเป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่ายางอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย รอยบวมมักเกิดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง เช่น ขับรถตกหลุมลึก หรือชนขอบฟุตบาท ทำให้โครงสร้างภายในของยางเสียหาย แม้ภายนอกจะดูไม่ร้ายแรง แต่หากโครงยางภายในขาดหรือบิดเบี้ยวก็มีโอกาสที่ยางจะระเบิดได้โดยไม่ทันตั้งตัว เช่นเดียวกัน หากพบรอยฉีกขาดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็ไม่ควรใช้งานยางต่อไป ควรรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัย เพราะความเสียหายเหล่านี้ไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนยางใหม่
5. เติมลมให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การเติมลมยางให้เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยยืดอายุยางและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้ยางสึกเร็ว ใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น และอาจทำให้ยางเกิดความร้อนสูงจนระเบิดได้ ในขณะที่ลมยางที่แข็งเกินไปจะทำให้ยางยึดเกาะถนนได้น้อยลง และเสี่ยงต่อการเสียหลักเมื่อเข้าโค้งหรือเบรกกระทันหัน คุณควรตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือก่อนออกเดินทางไกล และควรเติมลมตามค่าที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ ซึ่งมักจะระบุไว้บริเวณขอบประตูรถหรือในคู่มือรถยนต์ การดูแลในจุดเล็ก ๆ นี้จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและประหยัดมากยิ่งขึ้น
————————————
หากคุณตรวจเช็คแล้วยางรถมีสัญญาณตามที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นอายุยางที่เกินกำหนด ดอกยางสึก รอยแตกลายงา หรือแม้แต่รอยบวมเล็ก ๆ โปรดอย่ารอให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา พวกเราพร้อมให้คุณนำรถเข้ามาเช็คหรือเปลี่ยนยางใหม่ที่ United Tire แล้วครับ เพราะเรามีบริการตรวจเช็คสภาพยางโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมยางคุณภาพดีหลากหลายแบรนด์ เช่น Pirelli, Michelin, Continental, Yokohama, Falken และ Dunlop เป็นต้น ให้คุณสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมกับรถและงบประมาณ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และความสบายใจในทุกเส้นทาง
————————————
👨🏻🔧 บริการโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ
🗺️ United Tire รามอินทรา กม.1
⏰ จ.-ส. 8.00-18.00 น.
📞 สอบถามและจองคิว
• 02-970-7137 ถึง 8
• 099-245-6526 (หน่อย)
• 064-245-1556 (แซม)
• 080-924-4956 (อาร์ต)
📱 ช่องทางออนไลน์
• Line : @UNITEDTIRE หรือคลิกที่นี่ : https://lin.ee/qIBH49F
🗺️ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/6phLozctSXuwjZST7
#UnitedTire #Pirelli #Michelin #Continental #Yokohama #Falken #Dunlop #ยางรถยนต์ #ยางรถ